เทศน์เช้า

ศีล ต้องธรรม

๑๒ มี.ค. ๒๕๔๓

 

ศีล ต้องธรรม
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

เทศน์เช้า วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๔๓
ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

แม่ เห็นไหม เวลาพระเขาเรียกครูบาอาจารย์นะ พ่อแม่ครูจารย์ พ่อแม่ก็รักษา เห็นไหม รักษาเพื่อจะประสบความสำเร็จทางโลก แต่ไม่มีใครสอนถึงเรื่องของใจได้ ทีนี้ว่าเราก็เห็นใจเขา เพราะว่าเห็นใจเขามากก็เลยบอกว่า “เอ้า...” แต่ก็ต้องว่าแค่นี้ๆ พอ เพราะเขาพูดว่าทางนี้ไม่นั่นอยู่ ทางนั้นพ่อแม่ก็รักลูก อยากให้ลูกร่างกายไม่เสียไป เราเห็นด้วย

แต่ถ้าร่างกายมันจะเป็นอะไรไปบ้างนะ มันจะเป็นไปบ้างแต่มันไม่เป็นหรอก แล้วถ้าหัวใจมันดีขึ้นมา หัวใจมันหลุดออกไปเป็นคนใหม่ขึ้นมาเลย ไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว เออ...อันนั้นมันสำคัญกว่า

เช่นกัน วันนี้วันพระ วันนี้ทำบุญได้บุญมาก วันนี้วันพระนะ ได้บุญมากเพราะว่าเขานัดกัน พวกเทวดาพวกนี้เขาจะคอยดูว่าวันพระวันเจ้า ใครไปวัดไปวาบ้างไง แล้วพวกสัมภเวสีที่เขารอส่วนบุญอยู่ ชุดที่รอส่วนบุญอยู่นี่มันอยู่ต่ำๆ แต่พวกเทวดาเขาไม่ได้รอส่วนบุญจากเรา แต่เขาอนุโมทนากับเรา เห็นไหม เขาไม่รับกับเรา แต่เขาอนุโมทนา เขาดีใจด้วย ญาติเขาไปวัดไปวา

อย่างนาคิตะ เห็นไหม พระนาคิตะเดินจงกรมอยู่ แล้วมีจิตใจคิดว่า “เรานี่เป็นคนทุกข์ยากที่สุดเลย คนอื่นเขามีความสุขกันมาก”

แล้วมีเทวดามาหยุดอยู่กลางอากาศเลยนะ บอกว่า “พวกที่เขาข้องวนในโลก เขายังข้องอยู่ในโลกอยู่ พระนาคิตะต่างหาก” ถึงจะทำตนทุกข์ทรมานเพราะเขาเดินจงกรมอยู่ แต่พวกชาวบ้านเขาไปเที่ยวกัน เขาไปเที่ยวมหรสพ เขาเดินผ่านไป เขาร้องรำทำเพลงไปเพราะคนจะไปเที่ยว แต่ไอ้นี่พระแอบภาวนาอยู่คนเดียวไม่มีใครรู้ไง พระก็เลยวิตกขึ้นมาว่าเรานี่เป็นคนที่มีทุกข์ยากมาก เป็นคนที่ไม่มีค่า คนที่เขามีค่านั้นเขามีความสุข

นี่ในพระไตรปิฎก เทวดามาหยุดอยู่กลางอากาศเลย แล้วเปล่งวาจาลงมา คนที่เขาไปเที่ยว เขาไปแสวงหาทางโลกอยู่ เขาวนอยู่ในวัฏวน คือว่าเขายังวนไป คนที่เป็นทุกข์เป็นยากอยู่ คนที่ทุกข์ที่ยากอยู่ว่าทุกข์ยาก แต่จะออกจากโลก จะออกจากคือว่าออกจากกรงขังของอวิชชา ท่านต่างหากประเสริฐ คืนนั้นพระนาคิตะเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาเลย

นี่เทวดามายับยั้งกลางอากาศ เห็นไหม เทวดาแสวงส่วนบุญ แล้วทำไมเทวดามายับยั้งกลางอากาศ?

เพราะว่าอาจารย์บอกว่า “ในความรู้สึกอาจารย์ว่าเขาเป็นญาติกัน เคยเป็นญาติกันตั้งแต่เป็นนี่ แล้วตายไปอยู่บนสวรรค์” นี่มันยืนยันสวรรค์ เห็นไหม มันก็ตรงกับวันพระ

วันพระทำบุญมากได้บุญตรงนี้ไง วันพระถึงว่าเราตั้งใจทำบุญวันพระ วันปกติทำบุญก็ได้บุญ แต่! แต่วันพระ ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ เหมือนเป็นวันนัดหมาย เหมือนเป็นวันนักขัตฤกษ์ เห็นไหม นักขัตฤกษ์เราไปเที่ยว มีคนเยอะไปหมดเลย นี่ก็เหมือนกัน ทำบุญนะ พวกเทวดา พวกอะไร เราทำบุญแล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้เขา เขารับเขาอนุโมทนากับเราไง ตรงนี้ได้บุญมาก

ได้บุญแล้วเป็นทาน ทานแล้วก็ศีล มีศีล ศีลนี้เป็นข้อบังคับเรานะ ศีลนี้เป็นการงดเว้น ศีลแล้วต้องมีธรรม ธรรมคือการกระทำแสวงหา ศีลนี้เป็นแค่งดเว้น เราขึ้นมานี่เหมือนเด็ก เด็กที่มันจะเล่นตามใจตัวเองต้องมีศีลข้องดเว้นก่อน ศีลงดเว้นคือว่าบังคับให้ใจปกติขึ้นมา ศีลถ้างดเว้นเฉยๆ การงดเว้นนี่ หมายถึงว่าพวกเราทุกข์นิยมไง ทุกข์นิยมคือว่าดูเฉยๆ ดูเฉยๆ

ไม่ใช่...มันเป็นสัจจะนิยม ศีลข้องดเว้น งดเว้นเพื่อแสวงหา การแสวงหานั้นเป็นธรรม เห็นไหม ศีลธรรม งดเว้นคือว่าไม่ทำผิดข้อกาเม ผิดข้อมุสา ข้อลักทรัพย์ ข้ออะไรไม่ผิดข้อนั้น ไม่ผิด พอไม่ผิด มันไม่ผิดมันห้ามขึ้นมาก่อน ใจมันจะไปมันก็ไปไม่ได้เพราะว่าเราถือศีลอยู่ ใจมันคิดอยู่ในใจ เห็นไหม ใจคิดอยู่แต่ไปไม่ได้เพราะศีลบังคับอยู่ นี่ปกติของกาย แล้วปกติของใจ

ธรรม...ศีล สมาธิ ปัญญา ไอ้ที่ว่าเราไม่ไป แต่ไอ้ความคิดมันมีอยู่ เห็นไหม สมาธิเข้าไปยับยั้งมัน สมาธิเข้าไปพยายามยับยั้งใจให้ตั้งมั่น เห็นไหม ทาน ศีล ภาวนา ภาวนาขึ้นมาให้ใจมันตั้งมั่นขึ้นมา ใจมันตั้งมั่นคือว่างดเว้นที่ใจให้ได้ไง อันนี้เป็นอธิศีล

ถ้าทำสมาธิแล้ว เห็นความว่าใจมันลอกแลกๆ ดูใจของตัวเองได้ มันจะเห็นว่าถ้าใจ ลอกแลกนี่บังคับได้ ศีลข้างนอกก็หยาบเข้าไปแล้ว มันศีลข้างใน ศีลแล้วธรรม ธรรมคือความปฏิบัติเข้าไป เห็นไหม มีศีลแล้วต้องมีธรรม เหมือนกับนักวิทยาศาสตร์ เห็นไหม นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์วิจัยขึ้นมา แต่ผู้ที่ปฏิบัติธรรมคือนักประดิษฐ์ นักคิดค้น นักทำไง ต้องทำ

ถึงว่ามีปริยัติ มีปฏิบัติ ปฏิบัติหมายถึงว่าผู้ที่นักประดิษฐ์ขึ้นมา วิทยาศาสตร์คิดขึ้นมาเป็นทฤษฎีวิทยาศาสตร์ขึ้นมาแล้ว จะทำได้ไม่ได้ยังต้องลองเข้าไปในพื้นที่ ลองการกระทำว่ามันเป็นไปได้ไหม? ออกมาจะสวยไหม? แม้แต่นายช่างใหญ่ เห็นไหม อย่างการทำทรงไทย เขาทำทรงไทยมาให้เราเสร็จ เขายังมาดูเลยเหรอ? ทำไมช่างต้องมาดูอีกล่ะ?

เขาบอกว่า “ไอ้ตอนที่คิดมันเป็นอีกอย่างหนึ่ง อยากจะเห็นว่ามันออกมาแล้วมันสวยงามขนาดไหน” เขายังตามมาดู แม้แต่เขาเป็นช่างใหญ่นะ เขาเป็นคนออกแบบทรงไทยนี้เลย แล้วเขามาขอดูอีก

นี่นักวิทยาศาสตร์ก็เหมือนนักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ นักวิชาการก็นักศึกษา เห็นไหม เราศึกษาเล่าเรียนมา ศีลเราก็ท่องมาทำมา แต่ธรรมคือการประพฤติปฏิบัติ นักประดิษฐ์ไง นักประดิษฐ์ นักค้นคว้า ค้นคว้านั้นมันเป็นค้นคว้าแล้ว ต้องประดิษฐ์ปฏิบัติขึ้นมา

ใจก็เหมือนกัน เห็นไหม นักเรียนเหมือนกัน เรานักวาดภาพ เราวาดภาพ เราวาดเป็น พู่กันใครจับก็ได้ วาดไปก็วาดได้ แต่จะออกมาแล้วมันจะสวยหรือไม่สวย ออกมาสวยคนอื่นไม่สำคัญนะ สวยสำหรับเรานะ พอใจสำหรับเรา

ใจเหมือนกัน ถ้าเราทำขึ้นมา ถ้าเราวาดขึ้นมา เราพอใจของเรา ใจมันสงบขึ้นมา เห็นไหม นี่นักประดิษฐ์ นักประดิษฐ์ว่าใจนี่มันก็เป็นนามธรรม มันสามารถจับต้องได้ มันทำความสงบได้ เราจะไปสัมผัสกับความสงบของใจแล้ว เห็นไหม ความสงบนั้นมันพิเศษ มันเวิ้งว้างอยู่แล้ว

นี่นักประดิษฐ์ ประดิษฐ์หมายถึงกอบกู้หัวใจขึ้นมานะให้เป็นเอกเทศ ให้เป็นอิสรเสรีจากความคิดเดิม ความคิดเดิมเราไม่สามารถควบคุมได้เลย มันไปลอกแลกๆ ไป เอาศีลเข้าไปควบคุมก่อน พอควบคุม เห็นไหม ศีล...งดเว้น...งดเว้นให้มันอยู่เฉยๆ แล้วก็ต้องปฏิบัติขึ้นมา ปฏิบัตินะ ประดิษฐ์ขึ้นมาอีก ก่อตัวขึ้นมาให้มันเป็นตั้งมั่น ให้มันเป็นสัมมาสมาธิ แล้วยกขึ้นวิปัสสนา มันจะก้าวเดินออกไป แล้วมันจะเห็นความมหัศจรรย์อย่างที่ว่า ถ้าพิจารณากาย พิจารณาจิต มันจะแตกออก

ความคิดเดิม ความคิดที่เราคิดอยู่ว่าเราดีอยู่ แต่พอมันละเอียดเข้าไปแล้วมันจะหลุดออกไป ความคิดนะหลุดออกไปชั้นๆ เลย เขาเรียกขันธ์ไง ขันธ์ ๕ คือความคิด ความปรุง ความแต่ง สัญญาคือความคิด ความคิดจะเกิดขึ้นต้องมีข้อมูลเดิม ข้อมูลเดิมคือสัญญาคือข้อมูลอยู่ในหัวใจ มันหมุนเข้าไปๆ พอมันเป็นเชื้อขึ้นมา วิญญาณก็รับรู้เข้าไป ปัญญาอันนี้ที่ว่านักประดิษฐ์ มันจะเข้ามาเลาะอันนี้ออก เลาะอันนี้ออก เห็นชัดๆ

นี่เป็นธรรมไง มีศีลแล้วต้องมีธรรม ธรรมคือการเราทำขึ้นมา ศีลธรรม ปริยัติ ปฏิบัติ พอปฏิบัติขึ้นมาจะเห็นผลขึ้นไป ถึงว่ามีศีลต้องมีธรรม ถ้ามีศีลเฉยๆ

เราถึงว่าเรามีศีลกัน ชาวพุทธเราถือศีลๆ ถือศีลก็ยังถือไม่ครบ แล้วถ้ายังมีศีลแล้ว ศีลก็แค่งดเว้นไว้เฉยๆ แต่พอประพฤติปฏิบัติขึ้นมาก็งง ว่าต้องศึกษาให้มาก ต้องเข้าใจให้มากถึงจะรู้

เข้าใจขนาดไหนมันก็เป็นสัญญาทั้งหมด เข้าใจขนาดไหน ถ้าเป็นนักประดิษฐ์นะ วิทยาศาสตร์เขาคิดแล้วเขาวางไว้ มันจะไม่เป็นประโยชน์กับโลกเขาเลย นักวิทยาศาสตร์คิดแล้วนะ เป็นข้อมูลเขาใช้ได้ แต่วาล์วยังไม่ได้ประกอบขึ้นมาเป็นวัตถุเป็นสิ่งของที่เรามาใช้ประโยชน์ ยังไม่เป็นประโยชน์ขึ้นมา แต่ถ้าประโยชน์ประกอบขึ้นมา นั่นวิทยาศาสตร์คิดคนเดียวแต่ใช้ทั้งโลก

แต่ในหัวใจของเราคิดคนเดียวนะ รักษาคนเดียว ให้คนเดียวพ้นออกไป มันไม่ใช่รักษ์ทั้งโลกนะ คนๆ เดียวทำตัวเองชนะได้ มันเป็นที่พึ่งของเราแล้ว เป็นที่พึ่งของหมู่สัตว์ทั้งหลาย แล้วมันหักวัฏวนสามโลกธาตุ เพราะจิตดวงนี้มันนักเกิดนักตาย มันจะไปเห็นชัดๆ นักเกิดนักตาย จิตดวงเดียวเกิดในสามโลกธาตุ ไม่ใช่เกิดเฉพาะมนุษย์ เกิดเป็นเทวดาก็...

แต่จิตดวงนี้มันพาตายพาเกิด แล้วก็เป็นประชากรของที่ไหนล่ะ? ของเทวดาก็ได้ ของมนุษย์ก็ได้ ของสัตว์เดรัจฉานหรือว่า...นี่มันหมุนเวียนไป เกิดตายเกิดตายอยู่ตลอดเวลา แล้วหักตรงนี้ออกไป มันประโยชน์ถึงสามโลกธาตุนะ

ถ้ามองว่าเป็น อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนคนเดียวนั้นเป็นที่พึ่งของตน ตนคนเดียวที่เอาไว้ได้ ถึงว่าเห็นแก่ตัวไง แต่ผลประโยชน์ของมันนะ สัตว์ในโลกนี้หมดไปสามโลกธาตุ เพราะมันเกิดตาย มันไปซับซ้อนอยู่ในภพต่างๆ อันนี้มันถึงว่านักวิทยาศาสตร์คิดแล้วใช้ทั้งโลก

เราเห็นว่าคุณประโยชน์ทางโลกมาก แต่ความจริงว่าเราหักใจของเราแล้ว เราหักเหมือนถึงกับวัฏฏะเหมือนสามโลกธาตุ ใจนี้มันจะพ้นออกไป มันมหัศจรรย์กว่านั้นมากนัก มากจริงๆ นะ

ถึงว่าทำเข้ามาที่ใจของตน มันจะมหัศจรรย์ขึ้นมาที่ใจของตัว มหัศจรรย์แล้วมันก็ถึงอ๋อ... ถึงปล่อย มันก็ปล่อยวางไป มันหลุดออกไปจากใจอย่างนั้น มันจะหลุดออกไปๆ แต่การทำนี้มันแสนยาก เพราะเริ่มต้นมันเริ่มจากว่าไอ้ตัวฝังที่ใจเรามันต่อต้านก่อน ไอ้ตัวฝังอยู่ในใจเรามันจะต่อต้าน ความต่อต้านอันนี้มันถึงเป็นโทษ

แต่ศีลธรรมนี้ไม่เคยเป็นโทษ ศีลธรรมเป็นคุณตลอด ทำดีต้องได้ดี ศีลธรรมนี่เป็นคุณ แต่ไอ้ความคิดของเรา คือความต่อต้านของใจอันนั้นเป็นโทษ ถ้าเข้าไปกดถ่วง เห็นไหม ศีลถึงมีประโยชน์ตรงนี้ไง เข้าไปกดงดเว้นไว้ๆ ไม่ให้ตัวนี้มันต่อต้าน เราก็มีโอกาสทำขึ้นไปๆ มันจะเป็นประโยชน์ของคนนั้น

นี่วันพระ วันพระหมายถึงว่าทำทาน แล้วมีศีล แล้วมีภาวนา มันก็ครบวงจร ถ้าเรามีทาน มันได้บุญนะ ทานนี่เป็นเหมือนกับว่าเติมน้ำมัน รถมีขับเคลื่อนไปได้ มีทานไปเรื่อยๆ แต่น้ำมันมันจะหมดได้ เพราะเราทำทาน

ทานนี้เป็นว่า อุทิศส่วนกุศลออกไป ได้ส่วนกุศลกลับมา ส่วนกุศลนี้เป็นบุญ เห็นไหม บุญพาเกิด น้ำมันพาเกิดพาตาย พาเกิดบนสวรรค์ พาเกิดในที่ดี พาเกิด เพราะมันเป็นบุญกุศล เป็นอริยทรัพย์ สละออกมาแล้วมันเป็นของชั่วคราว เห็นไหม มีธรรม ทำใจขึ้นมาให้ตั้งมั่น พอตั้งมั่น รถนี้ไม่ต้องเติมน้ำมัน รถนี้น้ำมันเต็มถังตลอดเวลา ไม่เคยพร่องจากน้ำมันเลย แปลกประหลาดไหม?

จิตที่ตั้งมั่นนี้มันไปด้วยตัวมันเองได้ ไม่เคยขาดน้ำมันเลย มันไปของมันได้ ไปบนพรหมมันไปได้ตลอด มันไปได้หมด อันนั้นเพราะว่าทำใจให้สงบขึ้นมา แล้วทำจนรถก็ไม่มี อะไรก็ไม่มี ทุกอย่างไม่มี แต่มันไปได้หมดเลย มันยิ่งมหัศจรรย์เข้าไปใหญ่

นี่คือธรรมไง ศีลธรรม วันพระแล้วนะเราทำบุญกุศลให้เป็นบุญกุศลของเรา ตั้งใจ เดี๋ยวจะให้พร พอให้พรอุทิศส่วนกุศลต่อไปเพื่อย้อนกลับมาหาเรา ยิ่งอุทิศเข้าไป เทียน เห็นไหม ถ้ามันเป็นวัตถุนี่ให้เขาไปแล้วจะหมดไป แต่เรื่องนามธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้องค์เดียวสอนโลกทั้งโลก สอนทั้งสรรพสัตว์ คนๆ เดียวนะออก มันยิ่งแผ่ออกไป มันยิ่งกว้างขึ้นมา แล้วก็ย้อนกลับไปพระพุทธเจ้า ทุกคนกราบพระพุทธเจ้าด้วยสนิทใจหมดเลย

ของเราก็เหมือนกัน เราอุทิศส่วนกุศลเราไปแล้ว เราอุทิศไปเหมือนเทียน เราไปจุดให้ใครต่อไปๆ เทียนมันสว่างขึ้นไปเรื่อยๆ มันกลับสว่าง สว่างจากเทียนของเรา คือใจของเรา เราอุทิศออกไป ยิ่งอุทิศมันยิ่งกลับเข้ามา แต่โลกคิดว่ามันอุทิศเหมือนวัตถุ อุทิศไม่ได้ อุทิศแล้วมันจะหมดไปๆ นี้มันถึงว่าเราถึงคับแคบไง ถ้าเรากว้างขึ้นไปมันจะได้ของเราเอง นี้ตั้งใจ เดี๋ยวจะให้พรนะ